หนังสือเล่มนี้แต่งโดย Dave Gray เขาได้เขียนหนังสือที่เป็นส่วนผสมของหนังสือที่เป็น Visual thinking กับ Design method เข้าด้วยกัน ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเน้นหนักไปที่การออกแบบและธุรกิจ ผู้เขียนมีความสามารถในการวาดภาพที่เป็นเรื่องราว

เขาพูดว่า Game กับ Play ไม่เหมือนกัน เพราะเกมมีกฎเกณฑ์  เขาได้เล่าว่าโลกของเกม โดยการจินตนาการว่าโลกเสมือนเป็นอย่างไรเพื่อให้คนเล่นค้นหาไอเดีย หลังจากนั้นก็ให้สร้างโลกที่มีกฎต่างๆ วัตถุที่เกิดขึ้นในโลก หลังจากนั้นให้เปิดโลกโดยคนเล่นต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ และมีวิธีการเล่นอย่างไร ต่อมาคือการสำรวจเพื่อที่จะเล่น ทดสอบไอเดีย และลองกลยุทธ์ต่าง ๆ อันสุดท้ายคือ การปิดโลก ก็คือเมื่อเกมจบและบรรลุเป้าหมายแล้ว

ปกติเป้าหมายของเกมจะมีลักษณะเป็น Fuzzy goal เหมือนการออกแบบที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะออกมาเป็นอะไร เพราะเราเชื่อว่านวัตกรรมต่างๆ เกิดจากเป้าหมายที่ไม่ได้ตายตัว ในการออกแบบเกมนั้นก็จะมีลักษณะคล้ายกับกระบวนการออกแบบ ซึ่งเวลาที่เราระดมสมองก็จะเป็นลักษณะ Divegent คือ สามเหลี่ยมที่เปิดกว้างขึ้น ในขณะเมื่อต้องรวบรวมไอเดียก็จะเป็นสามเหลี่ยมที่แคบลงก็คือ Convergent ในการอออกแบบเขาเลยเรียกว่าเป็น Dimond shape ก็คือสามเหลี่ยมที่ชนกันสองอัน ในขณะที่ Dave จะมีกระบวนการตรงกลางที่เรียกว่าสำรวจโลก Explore อยู่ตรงกลางทำให้เป็นรูปร่างคล้ายไซดักปลา คือ มีสามเหลี่ยมปิดหน้าหลังและสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง ซึ่งสามเหลี่ยมหน้าหลังก็คือ open กับ close เกมนี่เอง

หนังสือเล่มนี้จะแบ่งบทต่างๆ ออกเป็น Core games ที่มีเกมหลักอยู่ 10 อัน เช่น 7ps framework, Affinity map, Bodystorming, Car spring, dot voting, empathy map, force ranking, post-up, storyboard และ WhoDo

ส่วนเกมที่เป็น Opening มี 26 เกม ได้แก่ 3-12-3 Brainstorm, The Anti-problem, Brainwriting, Context map, Cover story

ส่วนเกมสำหรับ Exploring มี 41 เกม ได้แก่ 4Cs, 5 why’s, Atomize, The blind side, Campfire

ส่วนเกมสำหรับปิด Closing มี 11 เกม ได้แก่  $100 Test, 20/20 vision, Memory Wall 

10 Essentials for Gamestorming

  1. Opening and Closing

การ Opening ก็คือ การทำให้คนคิดและ spark จินตนาการ เขามีกฎ 2 ข้อดังนี้ 

A ตอนเปิดเกมไม่ควรเล่นเกมใน Opening กับ Closing พร้อมกัน เพราะคนเราไม่สามารถที่จะ creative และ critical thinking ได้พร้อมกัน

B ปิดทุกอย่างที่เปิด เหมือนกับว่าเวลาเปิดเกมหลายอันไปพร้อมกัน คนในทีมอาจจะคิดว่าไม่มีแผนในการทำให้บรรลุผล วิธีการง่ายๆ คือ บอกในทีมว่าเป้าหมายนี้ไม่ได้พาเราไปที่ไหนไม่ต้องเสียเวลากับมันมากก็เป็นการปิด

  1. Fire starting คือเทคนิคในการสร้างจินตนาการ ถ้าจุดไฟผิดที่อาจจะเกิดปัญหาในการควบคุม การจุดไฟก็ทำด้วยการตั้งคำถามที่ดี หรือการ fill in the blank ก็ได้
  2. Artifact หรือสิ่งที่เก็บความคิดเห็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Sticky note, index card ใช้ในการเก็บข้อมูล หรือทำความรู้ให้เห็นชัดเจน
  3. Meaningful space ได้แก่ พื้นที่ เช่น พวก whiteboard, Flipchart ในหนังสือนี้จะมีการสร้างตารางหรือภาพต่างๆ ไว้เยอะมากเป็น template
  4. Node generation ก็คือการที่ทุกคนเอาข้อมูลของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็นและประกอบกันเป็นภาพใหญ่ เช่น การใช้ Post it ปะรวมกันบนแผนภาพที่เราได้เขียนไว้
  5. Randomize เพราะความคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียงตามลำดับ ดังนั้นการสลับสับเปลี่ยนก็จะทำให้เกิดความหลากหลายขึ้น แต่สิ่งที่คนเราเก่งก็คือการหา pattern ในกลุ่มของไอเดียให้เจอ
  6. Sketching และ model making ส่วนใหญ่ในเล่มนี้ก็จะเน้นด้านการเขียน สิ่งที่วาดไม่ได้ก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้
  7. Improvisation การไม่ต้องเตรียม เพื่อพบเจอกับไอเดียใหม่ๆ พฤติกรรมหรือการปฏิบัติใหม่ๆ อันนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำ workshop ไม่ต้องเตรียมอะไร แต่เขาหมายถึงคนที่เล่นเกม อาจจะใช้ role play ในการเล่น Body storming ส่วนที่ผมเห็นแล้วน่าสนใจก็คือ Body storming เกม เขาจะเอากรอบกระดาษมาทำคล้ายเฟรมภาพวาด แต่ตรงกลางโป๊แล้วก็ให้คนแต่ละคนแสดงเมื่อ frame นั้นวิ่งไป
  8. Selection การใช้การโหวตในการเลือก เช่น การมาร์คด้วยสติ๊กเกอร์
  9. Try something new สร้างสิ่งใหม่ๆ มักจะเกิดจากความเสี่ยง ทำให้ผมนึกถึงว่างานบางอย่างถ้ามี solution อยู่แล้วเราไม่จำเป็นต้องจัด workshop 

รูปแบบของเกมต่างๆ ในเล่มก็จะบอกถึง วัตถุประสงค์ของการเล่น จำนวนผู้เล่น ระยะเวลาในการเล่น และวิธีการเล่น

Game for Opening

Fish bowl

เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างเกมของการ opening นะครับ เช่น เกม Fishbowl ที่แปลว่าโหลปลาทอง วัตถุประสงค์ของเกมนี้คือ โดยปกติ Stakeholder ที่มา workshop มักจะไม่รู้จักกัน เกมนี้จึงเหมาะกับการทำให้คนพูดคุยกันโดยการฟังและสังเกต เกมนี้ใช้คนจำนวนปานกลางถึงใหญ่ โดยจะมีการเล่นประมาณ 40-45 นาที  วิธีการเล่นก็คือ หาหัวข้อที่คิดว่าทุกคนจะสามารถพูดคุยกันได้และเขียนคำถามที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น หลังจากนั้นให้หาห้องโล่งที่สามารถวางเก้าอี้ได้ แล้วก็ให้ทำแบบฟอร์มแจกที่มีเป็นตารางแบ่งซ้ายขวาก็คือ Point ทางซ้ายและ Evidence ทางขวา ตรงนี้ก็จะมีประมาณ 4 points กับ 4 evidences หลังจากนั้นให้จัดเรียงเก้าอี้ให้เป็นวงกลม วงในจะเป็นผู้เล่นที่จะเล่าเรื่อง ส่วนวงนอกก็ให้เป็นวงที่สังเกตการณ์ หลังจากนั้นก็แจกฟอร์มให้กับคนสังเกตเท่านั้น หลังจากนั้นให้ใช้เวลา 15 นาทีให้คนสังเกตเป็นคนจดลงในฟอร์มทั้งที่เป็น points กับที่เป็น evidence หลังจากจบรอบแรกก็ให้สลับบทบาทกันโดยให้คนสังเกตมาเป็นคนพูด คนพูดมาเป็นคนสังเกต และใช้เวลา 15 นาทีในการคุยกันเรื่องหัวข้อเดิม เมื่อเสร็จแล้วก็ให้หาอาสาสมัครแลกเปลี่ยนข้อมุลกันและถามเขาถึงประสบการณ์ที่เป็นทั้งคนที่อยู่ในวงและนอกวง เกมนี้สอนเรื่องอะไรครับ เขาพยายามสอนเรื่องทักษะการเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยการเงียบและจับประเด็น คนส่วนใหญ่มักจะแย่งกันพูดและสวนตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังให้จบเสียก่อน 

Game for Explore

Design the Box

เกมนี้ใช้กล่องที่เป็นกล่องที่สามารถขายไอเดียได้ โดยให้ออกแบบ packaging ของไอเดีย ซึ่งไอเดียนี้อาจจะเป็นวัตถุหรือไม่ก็ได้ คนในทีมจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับ feature ของตัวกล่อง เกมนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับคนพัฒนาซอฟแวร์ที่ช่วยให้มองเห็นภาพของแอปพลิเคชันใหม่ๆ ในมุมมองของลูกค้า จำนวนคนที่เล่นเกมนี้ต้องเป็นกลุ่มเล็ก ระยะเวลาในการเล่นประมาณ 1 ชม.หรือมากกว่าขึ้นกับจำนวนของกลุ่มที่เราแบ่ง เราอาจจะใช้ปากกระดาษและปากกา กรรไกร เทปมาช่วยตกแต่งกล่อง โดยเราจะมีเฟส 3 ส่วนด้วยกันคือ

  1. Fill in the box ก็คือ ให้ค้นหาชื่อไอเดีย ลูกค้า หรือผู้ซื้อ Features ฟังก์ชั่น รายละเอียด
  2. Make the box ให้เวลาประมาณ 30 นาทีในการสร้างกล่อง เช่น เราจะเรียกมันว่าอะไร มันสำหรับใคร อะไรเป็นสโลแกน อะไรเป็น compelling feature และประโยชน์ อะไรจะทำให้ตัวกล่องนี้โดดเด่นขึ้น ข้างตัวกล่องอาจจะมีโฆษณา สิ่งที่ให้ฟรี หรือมีกระบวนการส่งทางไปรษณีย์ อันนี้แล้วแต่จะออกแบบ
  3. Sell the box ขายกล่อง โดยให้ทีมยืนขึ้นในแต่ละกลุ่ม ซึ่งตรงนี้เราจะพบว่าคนส่วนใหญ่จะแปลง feature ให้เป็น Benefit หรือประโยชน์ต่อลูกค้า เราอาจจะมีการให้รางวัลกับคนที่ขายกล่องได้ 

Game for Closing

Prune the future

หลายคนในบริษัทใหญ่ๆ พบว่าการเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่ทำแบบข้ามคืน ดังนั้นก็ต้องมีการคุยถึงขึ้นถัดไป Next step เกม Prune the futrue จะใช้ต้นไม้เป็น Metaphor ในการแสดงอนาคตของสิ่งต่างๆ ด้วยลำต้นและใบ เกมนี้จะเล่นประมาณ 5-15 คน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที  เกมนี้ต้องเตรียม sticky notes หรือ Post it note ที่เป็นรูปใบไม้ เราอาจจะตัด Post it note ก็ได้ครับ แล้วให้วาดต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่มีลำต้นพอที่จะเขียนหัวข้อ topic แล้วกิ่งก้านจะเป็น categories ซึ่งถ้ามีสิ่งกิ่งหมายถึงสี่กลุ่ม ต้นกลุ่มพุ่มไม้จะแบ่งอออกเป็นสามส่วนก็ได้ โดยส่วนที่อยู่ล่างของพุ่มต้นไม้เป็น current state หรือสถานะปัจจุบัน ส่วนที่อยู่บนยอดจะเป็น future state  

หลังจากนั้นให้แจกใบไม้ให้ทุกคนเขียน ถ้า หัวข้อคือการเพิ่มจำนวนผู้ชม ดังนั้น ส่วนที่เป็น current ก็คือ customer demographics ส่วนที่เป็น future ก็คือ desired customer demographics หลังจากนั้นให้แต่ละคนเขียนบนใบไม้ของตนเองว่ามีไอเดียอะไรในการทำให้ต้นไม้โต ในตอนที่ทุกคนใส่ใบไม้เราสามารถจัดกลุ่มทิศทางได้ด้วยกิ่งไม้  ผู้เขียนเล่าว่าภาพต้นไม้จะช่วยทำให้เห็นภาพด้วยการใช้ metaphor ของการเลี้ยงต้นไม้ ตัวหัวข้ออาจจะเป็น featrue ของผลิตภัณฑ์ หรือเป็น marketplace เราอาจจะเพิ่มผลไม้ลงบนต้นไม้ก็ได้และให้ถือว่าเป็น ROI หรือ return of investment 

หนังสือเล่มนี้มีเกมค่อนข้างมากซึ่งบางอย่างเกิดจากประสบการณ์ของการทำ workshop ดังนั้นถ้าท่านเป็นกระบวนกร ครู หรือ Facitilatar ก็สามารถที่จะสร้าง method ของตัวเองได้จากหนังสือเล่มนี้ ส่วนที่ประทับใจของเล่มนี้คือการวาดภาพ แต่ยังขาดภาพคนที่ใน workshop ซึ่งอาจจะต้องไปดูเพิ่มเติมได้ในเว๊ปที่ชื่อ https://gamestorming.com/

สรุป

  1. กระบวนการของเกมมีสามส่วนคือ opening, exploring และ closing
  2. สิบสิ่งสำคัญของ Game storming คือ Opening and Closing, Fire starting, Artifact, Meaningful space, Node generation, Randomize,  Sketching และ model making, Improvisation, Selection, Try something new